13 สุดยอดน้ำมันจากธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูผมเสียให้กลับมาสวย
การดูแลบำรุงเส้นผมให้สวยสุขภาพดี บ่อยครั้งผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ หากมีส่วนผสมของสารเคมีมากเกินไปอาจส่งผลเสียได้เช่นกัน หลายคนจึงมองหาทางเลือกผมสวยโดยปราศจากสารเคมี ลองมาทำความรู้จักกับ 13 สุดยอดน้ำมันจากธรรมชาติ ตัวช่วยดีๆในการฟื้นฟูเส้นผม
- น้ำมันมะกอก (Olive Oil)
ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง หมดกังวลเรื่องเส้นผมขาดหลุดร่วง เนื่องจากน้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยวิตามิน E และวิตามิน B และยังช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้น ไม่แตกปลาย สามารถป้องกันการเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้อีกด้วย
- น้ำมันมะพร้าว ( Virgin Coconut Oil)
นิยมใช้หมักผมก่อนสระ กรดไขมันที่ค่อนข้างสูงในน้ำมันมะพร้าว ช่วยบำรุงหนังศีรษะให้ชุ่มชื้น ลดปัญหาผมแห้งเสียแตกปลาย ในน้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริค (Lauric acid) และกรดคาพรีลิค (Caprylic acid) สูง จึงมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ลดอาการคันหนังศีรษะ
- น้ำมันอาร์แกน (Argan Oil)
เป็นน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมเป็นอย่างดี อุดมด้วยวิตามิน E มีกรดไขมันที่ช่วยลดการอักเสบของผิว สามารถใช้ปกป้องเส้นผมจากความร้อนที่มาจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม ลดปัญหาผมแตกปลาย ฟื้นฟูบำรุงผมแห้งเสียให้ดีขึ้น
- น้ำมันลาเวนเดอร์ (Lavender Oil)
นอกจากกลิ่นที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการไหลเสียนเลือด ส่งเสริมการเจริญของเส้นผม บรรเทาอาการระคายเคืองหนังศีรษะ ป้องกันหนังศีรษะและเส้นผมแห้ง
- น้ำมันโรสแมรี่ (Rosemary Oil)
สุดยอดน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและเสริมสร้างความแข็งแรงแก่เส้นผม ลดปัญหาผมหงอกก่อนวัย ป้องกันผมขาดหลุดร่วง รักษารังแครวมถึงหนังศีรษะแห้งได้อีกด้วย
- น้ำมันคาโมมายด์ (Chamomile Oil)
หนึ่งในตัวเลือกที่ดีจากธรรมชาติในการบำรุงเส้นผม ช่วยให้เส้นผมเงางาม นุ่มสลวย และยังช่วยลดอาการระคายเคืองหนังศีรษะที่เกิดจากรังแค โรคสะเก็ดเงิน
- น้ำมันละหุ่ง (Castor Oil)
อุดมไปด้วยวิตามินE แร่ธาตุ และโปรตีนที่จำเป็นสำหรับเส้นผม ช่วยเรื่องปัญหาผมร่วง เร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม และบำรุงเส้นผมเกิดใหม่ มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา สามารถรักษาปัญหารังแค ลดอาการอักเสบของผิวหนัง สุขภาพหนังศีรษะจึงดีขึ้น นอกจากนี้ช่วยรักษาอาการผมร่วง ทำให้เส้นผมที่บางกลับมาดูหนาและแข็งแรงขึ้น
- น้ำมันงา (Virgin Sesame Oil)
ต้องเลือกที่เป็นน้ำมันงาสกัดเย็น อุดมด้วยวิตามินบีและไอโอดีนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ดกดำเงางาม และช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดดได้อีกด้วย
- น้ำมันดอกทานตะวัน (Sunflower Oil)
น้ำมันที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ อุดมไปด้วยกรดลิโนเลอิก (Linoleic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 6 ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม ป้องกันปัญหาเส้นผมแห้งเสีย แตกปลาย มีฟอสฟอรัสที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับรากผม
- น้ำมันทีทรีออย (Tea tree oil)
โดดเด่นในเรื่องการขจัดรังแค มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อโรคที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ขจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว และกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันบนหนังศีรษะ
- น้ำมันอะโวคาโด (Avocado Oil)
เป็นแหล่งกรดไขมันชนิดดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นน้ำมันที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี เร่งการงอกของเส้นผม ฟื้นฟูบำรุงสภาพผมแห้งเสียให้ดีขึ้น ทำให้เส้นผมนุ่มลื่นมีชีวิตชีวา
- น้ำมันโจโจบา (Jojoba Oil)
หนึ่งในน้ำมันที่ได้รับความนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สามารถนำมาบำรุงผมไม่ให้แห้งเสีย ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงสุขภาพดี ขจัดรังแค ลดอาการคันศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- น้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ (Almond Oil)
เหมาะสำหรับปัญหาผมแห้งเสียพันกัน เปราะขาดง่าย น้ำมันอัลมอนด์ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้เส้นผมนุ่มลื่น และยังเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง
การเลือกใช้น้ำมันจากธรรมชาติในการบำรุงเส้นผม นอกจากเลือกที่ใช่ และเหมาะกับสภาพผมแล้ว ต้องคำนึงถึงข้อควรระวังเช่นกัน เพื่อให้การดูแลเส้นผมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง